ถ้าพูดถึงมาเก๊า หลายคนอาจจะนึกถึงแค่เรื่องนั้นเรื่องเดียว ซึ่งพวกเราเองก็เช่นเดียวกันที่คิดแบบนั้น แต่พอได้มาสัมผัสที่นี่3วัน ทำให้เราเปลี่ยนความคิดกันทันที เพราะที่นี่มีอะไรให้เที่ยวมากกว่าอย่างที่ว่าซะอีก
ที่ชอบที่สุดก็คือ ไม่ว่าจะเดินไปมุมไหนหรือซอกหลืบไหน เราก็จะเจอกับมุมถ่ายรูปชิคๆอยู่เต็มไปหมด มีร้านค้า มีคาเฟ่เก๋ๆเยอะแยะมากมายจนเลือกไม่ถูก เรียกได้ว่าทริปนี้เรามาเที่ยวกันแบบจัดเต็มและคุ้มค่ากับเวลาอันน้อยนิดเป็นที่สุด ตั้งใจเดินหาโลเคชั่นสุดฮิตเพื่อถ่ายภาพ แอบกังวลใจในเรื่องของเวลา กลัวว่าจะไปเที่ยวได้ไม่ครบตามที่แพลนกันไว้ แต่…เฮ้ย ที่เที่ยวแต่ละที่คืออยู่ไม่ไกลกันเลย บางที่สามารถเดินจากโรงแรมไปได้เลย บางที่ก็นั่งรถเมล์แค่แป๊บเดียว บอกเลยว่า3วันที่มาเก๊าเวลาเหลือๆครับ
จริงๆแล้วการเดินทางมีเที่ยวบินตรงหลายไฟลท์ต่อวันให้เลือกทั้งจากดอนเมืองและสุวรรณภูมิ มีหลายสายการบินให้เลือก ขามาแนะนำให้เลือกไฟลท์เช้าสุด ส่วนขากลับให้เลือกไฟลท์ดึกสุด เพื่อจะได้มีเวลาเที่ยวกันแบบเต็มที่ นอกจากนั้นยังสามารถเดินทางโดยเรือจากเกาะฮ่องกงได้อีกด้วย แถมล่าสุดได้มีการเปิดเส้นทางรถบัสด้วยสะพานข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในโลกจากฮ่องกงมายังมาเก๊าเมื่อไม่นานมานี้ เรียกได้ว่าการมาเที่ยวมาเก๊าสะดวกสบายขึ้นเยอะเลยครับ
อ้อ..ลืมบอกว่ามาเก๊าครบรอบ20ปีเขตบริหารพิเศษมาเก๊าแล้วนะ ซึ่งก่อนหน้านี้เกาะมาเก๊าเคยอยู่ภายใต้การปกครองของโปรตุเกสในยุคอาณานิคม โดยโปรตุเกสเคยเช่าและครอบครองมาเกีาเพื่อใช้เป็นเมืองท่าในแถบทะเลจีนใต้ และได้ส่งมอบเกาะมาเก๊าให้แก่จีนตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2542 ส่งผลให้มาเก๊าเป็นหนึ่งในสองเขตบริหารพิเศษของจีนจนถึงปัจจุบัน
ตามไปดูกันครับว่า 3วัน2คืน เราไปถ่ายรูปชิคๆที่ไหนกันบ้าง บอกเลยว่าแต่ละที่นั้น Colorful สุดๆ
Tips : การเดินทางเที่ยวในมาเก๊าแนะนำให้เดินทางด้วยรถเมล์ (ประหยัดได้เยอะ) , ที่มาเก๊าสามารถใช้เงินสกุลดอลล่าฮ่องกงHKD ได้ครับ เรทราคาแทบจะไม่ต่างกัน
**อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันของสกุลเงินมาเก๊า(Macanese Pataca) 1 MOP = 3.93 THB
001: วัดอาม่า ( A-MA Temple)
ลงเครื่องปุ๊บ เข้าโรงแรมเช็คอินแล้วเราก็นั่งรถเมล์มาที่นี่เป็นที่แรก เพราะเป็นวัดที่มีชื่อเสียงมาก นักท่องเที่ยวนิยมมาที่นี่ เพราะเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในมาเก๊าครับ เค้าบอกว่าวัดนี้สร้างก่อนที่จะมีเมืองมาเก๊าซะอีกนะ เป็นวัดที่ผู้คนมาสักการะเพื่อขอพร รวมไปถึงการนิยมมาขอลูกและขอในเรื่องของความรักอีกด้วย
วัดอาม่าถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1488 เพื่ออุทิศแก่เทพอาม่าหรือเจ้าแม่ทับทิม องศ์เทพธิดาแห่งท้องทะเล เดิมคนที่นี่เรียกว่าวัดนี้ว่า “ม่าก๊อก”
002 : Our Lady of Penha Church
เราเดินเท้าเพื่อมายังจุดนี้กันต่อครับ เพราะอยู่ไม่ไกลจากวัดอาม่ามากนัก แต่อาจจะต้องใช้กำลังในการเดินขึ้นเนินเขากันสักหน่อย เป็นโบสถ์ที่ดูน่าสนใจมาก ตั้งตระหง่าอยู่บนยอดเขา ช่างภาพและคู่รักส่วนใหญ่นิยมเลือกโลเคชั่นนี้ในการถ่าย Pre-Wedding

อีกหนึ่งมุมสวยๆที่นักท่องเที่ยวและคู่รักนิยมมาถ่ายภาพ
เนื่องจากโบสถ์ตั้งอยู่บนยอดเขา จากจุดนี้เราจึงสามารถมองเห็นเมืองมาเก๊าได้แบบ 180องศา โชคดีที่วันมีฝนตก ทำให้บรรยากาศด้านบนคือดีมาก เย็นสบาย อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ14องศาครับ

นอกจากนั้นเรายังสามารถมองเห็นฝั่งของมาเก๊าตอนใต้ที่เรียกว่าเกาะไทปา และ Macao Tower อีกด้วย

ไม่ไกลจากโบสถ์ เราเดินเท้าลงเขากันต่อครับ เพื่อไปยัง Mandarin House อากาศดีมาก เดินได้แบบไม่มีเหนื่อย
003 : Mandarin House
บ้านแมนดารินถูกก่อสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1869 ซึ่งเป็นบ้านแบบจีนโบราณของนักประพันธ์จีนอยู่ยิ่งใหญ่นามว่า เฉิง กวนยิง ซึ่งประกอบไปด้วยเรือนหลายหลัง มีอาณาบริเวณ และลานหน้าบ้านที่แสดงการผสมผสานระหว่างรายละเอียดของความเป็นจีนกับความเป็นตะวันตก ทราสำคัญคือมีมุมชิคๆให้ได้แชะภาพเยอะมาก

Mandarin House จะเปิดตั้งแต่เวลา 10AM -6PM นะครับ และจะปิดทุกๆวันพุธ
มาเก๊ายามค่ำคืนจะเต็มไปด้วยป้ายไฟนีออนที่อยู่ทั่วทางเดินและถนน เป็นอีกหนึ่งสีสันที่ดูตื่นตาตื่นใจ
004 : Dom Pedro V Theatre
เช้าวันที่สองเราเริ่มต้นด้วยสถานที่แห่งนี้กันครับ เป็นโรงละครเก่าอาคารสีเขียวพาสเทลที่สร้างขึ้นในปี 1860 เป็นโรงละครแบบตะวันตกแห่งแรกของจีน
ส่วนบานหน้าต่างใช้สีเขียวเข้มตัดกับสีเขียวอ่อนของตึก ทำให้ดูกลมกลืนอย่างลงตัว ภายในโรงละครดอมเปโดรสามารถจุคนได้ทั้งหมด 276 ที่นั่ง แต่ละแถวจะโค้งรับกับเวที ปัจจุบันยังมีการจัดแสดงงานสำคัญต่างๆอยู่เสมอ
005 : IAM Building
ไม่ไกลจากโรงละครเราเดินมาเที่ยวกันต่อกับอีกหนึ่งพิกัดสุดฮิตที่อยู่ตรงข้ามกับ Senado Square จุดเด่นของที่นี่ก็คือกระเบื้องลวดลายสวยงามสีฟ้าและตึกสไตล์บารอคที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูป ที่นี่ถูกสร้างขึ้นเมื่อประมาณ 400 ปีที่แล้ว เพื่อใช้เป็นที่ตั้งของรัฐบาลโปรตุเกส-มาเก๊า

มุมสุดฮิตที่มาแล้วจะต้องมาแชะภาพ
สถานที่ท่องเที่ยวของเราในวันนี้แต่ละจุดอยู่ไม่ไกลกันมากครับ ส่วนใหญ่เราเลยเลือกเดินไปเรื่อยๆเพื่อชมนู้นนี่นั้น เดินไปแบบเพลินๆแป๊บๆก็ถึงสถานที่ต่อไปแล้วครับ
006 : Ruins of St. Paul ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล
แน่นอนครับถ้าหากมาเที่ยวมาเก๊าแล้วไม่มาที่นี่ถือว่ามาไม่ถึงนะครับ เพราะนี่คือแลนมาร์คที่สำคัญของมาเก๊าเลยหละ เป็นสถานที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปที่สุดครับ สังเกตจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่อยู่ในภาพ
ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1602 เป็นโบสถ์คาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกในสมัยนั้น และในปี 1835 พายุไต้ฝุ่นได้โถสเข้าใส่มาเก๊าอย่างรุ่นแรง และเกิดเหตุไฟไหม้ตามมา จึงทำให้ตัวโบสถ์เหลือสภาพเป็นซากโบสถ์ประตูอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
007 : Love Lane
ติดกับประตูโบสถ์เซ็นต์ปอลจะมีซอกเล็กๆที่ถูกเรียกว่า “ถนนแห่งความรัก” ด้วยตัวอาคารบ้านเรือนที่มีสีสันทำให้คู่รักนิยมมาถ่ายรูปกันที่นี่ จากมุมนี้เราจะสามารถมองเห็นซากประตูโบสถ์เซนต์ปอลผ่านช่องของอาคารอีกด้วย

บริเวณนี้มีร้านค้าน่ารักๆเยอะแยะเต็มไปหมด โดยเฉพาะร้านไอศกรีมร้านนี้
008 : Portuguese Street
ฝั่งตรงข้ามกับ Love Lane จะมีตรอกเล็กๆที่ชื่อว่า Portuguese Street เป็นตรอกที่เต็มไปด้วยความอาร์ต โดยเฉพาะกระเบื้องลายสีฟ้าตรงบันไดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปคู่
เป็นอีกหนึ่งตรอกเล็กๆที่มีความสวยงามและอาร์ตมากๆ ถุกตกแต่งและประดับประดาด้วยสีสันที่หลากหลาย
009 : Albergue SCM
ตึกสีเหลืองสดใสอายุมากกว่า 200ปี ที่เป็นแหล่งรวมแกลอรี่ ร้านขายของที่ละลึกและร้านอาหารสไตล์โปรตุเกส บริเวณลานด้านหน้าจะมีต้นการบูรขนาดใหญ่ที่สวยและดูแปลกตาให้เราได้แชะภาพคู่อีกด้วย
บริเวณใกล้เคียงที่เต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนเก่าแก่และถนนที่ปูด้วยกระเบื้องสไตล์โปรตุเกส มถมนี้อารมณ์เหมือนเราเดินเที่ยวอยู่ใรยุโรปกันเลยครับสวยงามน่าถ่ายรูปมากๆ
010 : Edf. Comercial Holland Jardim
เดินมารื่อยๆเราก็มาสะดุดตาตึกที่มีมีสันสดใสตั้งอยู่บริเวณสี่แยก เหมาะมากกับการมาแชะภาพเพื่ออัฟรูปลง Instagram อวดเพื่อนแบบรัวๆ ซึ่งจุดนี้จะเป็นจุดสุดท้ายของเราสำหรับวันนี้ครับ
011 : Happiness Street
วันสุดท้ายของทริปเรามาเที่ยวกันที่ถนนแห่งความสุข ซึ่งแต่ก่อนเคยเป็นย่านโคมแดงที่มีชื่อเสียง แต่ปัจจุบันถูกเปลี่ยนมาเป็นร้านค้าและร้านคาเฟ่อร่อยๆอยู่เต็มไปหมด ซึ่งร้านดังของที่นี่ก็คือ Tou Tou Koi ซึ่งเป็นร้านที่ได้ Michelin 2019

มาที่นี่ต้องถ่ายรูปกับประตูแดงนะ
012 : Rua Nova a Guia
ก่อนเดินทางกลับแอบนึกขึ้นได้ว่าอยากจะมาถ่ายรูปที่มุมนี้กัน นั่งหา Location อยู่นานมาก จึงได้รู้ว่ามุมนี้อยู่ที่หน้าโรงแรม Royal Hotel ที่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมที่เราพักนั้นเอง เป็นมุมที่ดูอลังมากๆ สามารถมองเห็นความยิ่งใหญ่ของตึกโรงแรม Lisboa คล้ายๆกับในฉากหนัง SCi-fi ชื่อดัง