สะ-บาย-ดี ป่ะ..ไปเที่ยวเวียงจันทน์เพื่อนบ้านของเรากันครับ ทริปนี้เป็นการเที่ยวกันแบบง่ายๆ นอนง่ายๆ แต่เน้นสถานที่และพิกัดสุดฮิตที่ต้องมาเมื่อมาเยือน แค่1วันก็เที่ยวได้เกือบหมดละครับ เดินทางมาก็ง่าย มีไฟล์บินตรงเกือบทุกสายการบิน ใช้เวลาแค่ชั่วโมงนิดๆก็ถึงแล้วครับ โดยทริปนี้เราเลือกบินจากดอนเมืองมาลงที่สนามบินนานาชาติวัดไต
” เวียงจันทน์ “ วันเดียวเที่ยวไหนได้บ้าง เดินทางง่ายมีเวลาน้อยก็เที่ยวได้.. 1,000,000 (กีบ) เอาอยู่ สถานที่ท่องเที่ยวในเวียงจันทน์โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นวัด ถึงจะมีแค่วัดแต่ก็ไม่ใช่แค่วัดธรรมดานะครับ เป็นวัดที่เก่าแก่และมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นสวยงาม ซึ่งวัดแต่ละที่ก็ตั้งอยู่ไม่ห่างกันมาก ทำให้การเที่ยวชมวัดในแต่ละจุดนั้นสะดวกสบายสุดๆ ไม่ต้องนั่งรถนานๆ
อีกหนึ่งความสะดวกสบายที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือเรื่องของการใช้จ่ายที่เราสามารถใช้เงินไทยบาทของเราได้เกือบทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นค่าเข้าชมสถานที่ ร้านอาหาร โรงแรม หรือแม้กระทั้งรถรับจ้าง หรือจะเอาเงินไทยไปแลกเป็นเงินกีบก็สามารถทำได้เช่นกัน ส่วนเรื่องภาษาไม่ต้องห่วงครับ ใช้ภาษาไทยสื่อสารกันได้เลยเพราะคนที่นี่ฟังภาษาไทยได้แน่นอน
ที่พักครั้งนี้เราอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศกันสักหน่อย อารมณ์อยากลองนอนโฮสเทลกันดูสักครั้ง (ขอบอกว่านี้คือครั้งแรกเลยหละ) โฮสเทลชื่อว่า Hive Hostel เป็นโฮสเทลเล็กๆชิคๆใจกลางเมือง อยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยว ใกล้แหล่งกิน แถมราคาก็ประหยัด แค่หลักร้อยเองครับ บินจากดอนเมืองมาถึงเวียงจันทร์ประมาณบ่ายสอง นั่งรถจากสนามบินมาไม่ไกล แค่10นาทีก็มาถึงที่พักละครับ
ติดต่อที่พัก :
Tel : +856 30 52 22 256
Facebook : https://www.facebook.com/hivelao/
ห้องพักของโฮสเทลจะเป็นแบบนอนรวมอย่างเดียวนะครับ ไม่มีห้องแยกแบบส่วนตัว โดยจะแบ่งเป็นทั้งหมด3ห้องใหญ่ คือ ห้องที่นอนรวมทั้งหมด ห้องเฉพาะผู้ชายอย่างเดียว และห้องเฉพาะผู้หญิงอย่างเดียว ส่วนคืนนี้เราเลือกนอนห้องแบบรวมชายหญิงครับ
บรรยากาศข้างในก็จะประมาณนี้ เป็นที่นอนแบบสองชั้น เลือกนอนได้ตามใจชอบ เนื่องจากเป็นการนอนแบบนี้ครั้งแรกของเรา เลยทำตัวไม่ค่อยถูกและยังไม่ชินสักเท่าไหร่ ฮ่าๆ ซึ่งที่นอนของแต่ละคนจะมีม่านปิดเพื่อความเป็นส่วนตัวเวลานอน

ส่วนด้านล่างก็จะตกแต่งให้ดูเก๋ๆ น่ารักๆ
นั่งพักให้หายเหนื่อย มองดูนาฬิกาเวลายังพอดี ลองเดินเล่นๆจากหน้าโอสเทลมาที่ประตูชัยเพื่อมารอดูแสงยามเย็นกันสักหน่อย ไม่ต้องถามว่าระยะทางที่เดินมานั้นไกลแค่ไหน แค่อยากให้รู้ไว้ว่าเหนื่อยมากกก งงกับตัวเองมาเราเดินกันมาได้ยังไง ฮ่าๆ ซึ่งที่นี่เป็นสถานที่แรกที่เราเลือกมาครับ เพราะเค้าบอกว่าถ้ามาที่นี่ช่วงเย็นๆจะได้ความสวยงามไปอีกแบบ เพราะหากรออีกนิดก็จะได้เห็นแสงไฟที่เค้าจะเปิดในทุกๆคืนที่ประตูชัย
ตื่นเช้าวันใหม่ออกมาหาอะไรลงท้องกันก่อนจะออกไปเที่ยว ระแวกโฮสเทลที่เราพักมีร้านอาหารเช้าให้เลือกเยอะมากครับ แต่ละร้านก็อยู่แทบจะติดกันเลยครับ พักย่านนี้สะดวกสบายจริงๆ
ประเดิมเช้านี้ด้วยสถานที่แรกที่ไม่ไกลจากโฮสเทลครับ เดินมาได้สบายๆ เป็นวัดที่ชื่อว่า “วัดสีสะเกด” เป็นวัดที่มีความเก่าแก่มาก มีความสวยงามตั้งแต่ทางเข้ากันเลยหละ
…ส่วนบริเวณรอบๆวัดจะมีประพุทธรูปเก่าแก่ที่ตั้งเรียงรายกันอยู่มากมาย ถ้าสังเกตุดีๆตามช่องผนังกำแพงก็จะมีพระพุทธรูปอยู่เช่นเดียวกัน
อ้อ..ลืมบอกว่าวัดนี้ทาง จนท.ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปภายในโบสถ์นะครับ เราจึงได้ภาพที่อยู่บริเวณด้านนอกของโบสถ์เท่านั้น
นั่งรถอีกประมาณ5นาที ก็จะมาถึงอีกหนึ่งวัดสวยงามอย่าง “วัดสีเมือง” เป็นวัดที่อยู่ในตัวเมืองเลยครับ เป็นอีกหนึ่งวัดเก่าแก่ที่คุณค่าแก่การมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภายในโบสถ์ ซึ่งภายในนั้นเราสามารถถ่ายรูปได้ครับ
นั่งรถออกจากตัวเมืองประมาณ 45นาที เพื่อมายัง “สวนวัฒนธรรมเชียงควน” อีกหนึ่งสถานที่สวยงามของเวียงจันทน์ภายในพื้นที่จะเต็มไปด้วยปูนปั้นรูปต่างๆขนาดใหญ่ที่เกี่ยวกับพระพุทธศานาและคติต่างๆเกี่ยวกับพราหมณ์ที่สอดแทรกคติธรรมเอาไว้ กลายเป็นแลนด์มาร์คอีกหนึ่งจุดที่สำคัญของนักท่องเที่ยวที่จะต้องมาเยือน
สวนแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 2501 ภายในสวนก็จะมีรูปปั้นของพระวิษณุ พระศิวะ และรูปปั้นอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งจุดเด่นของสถานที่แห่งนี้ก็คือรูปปั้นฝักทองขนาดใหญ่ที่เราสามารถเดินขึ้นมาด้านบนเพื่อถ่ายรูปและมองดูบรรยากาศทั้งหมดของสวนพระ ซึ่งวันนี้แดดค่อนข้างจะร้อนหน่อย เราเลยขอแชะภาพแค่แป๊บเดียวแล้วรีบลงมาด้านล่างทันที ^^
เสร็จจากวัดเชียงควนท้องเริ่มหิวเลยต้องแวะหาอะไรทานกันสักหน่อย แน่นอนครับ..มาเที่ยวลาวทั้งทีต้องกินข้าวเปียกอาหารขึ้นชื่อของลาว ไม่งั้นจะถือว่ามาไม่ถึงลาวอีกเช่นเดียวกัน ฮ่าๆ
อิ่มท้องเสร็จเดินทางกลับเข้าเมืองมาต่อกันที่ “พระธาตุหลวง” อีกหนึ่งสถานที่สำคัญที่สุดในประเทศลาวและเวียงจันทน์ มองเห็นเจดีย์สีทองอร่ามลักศณะคล้ายบัวตูมมาแต่ไกล มีความสูงถึง45เมตร
ตัวพระธาตุหลวงมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมที่สามารถเดินวนรอบๆได้ โดยจะมีหอไหว้สักการะพระธาตหลวงทั้งหมด4จุด ส่วนบริเวณทางเดินรอบๆก็จะมีพระพุทธรูปเก่าและศึกลาจารึกให้ได้ชมอีกด้วย
เราเดินทางมาต่อกับสถานที่สุดท้ายสำหรับทริปวันนี้ครับ เป็นวัดในลิสที่จะต้องมา คือ “หอพระแก้ว” อีกหนึ่งวัดเก่าแก่ใจกลางเมืองเวียงจันทน์ สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2108 วัดนี้เดิมเป็นวัดหลวงของราชวงศ์ลาวและเคยเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต แต่ในปัจจุบันพระแก้วมรกตได้มาประดิษฐานอยู่ที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามในกรุงเทพมหานคร
บริเวณรอบๆหอพระแก้วก็จะมีพระพุทธรูปให้ไหว้สักการะ ส่วนด้านในหอพระแก้วนั้นเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพนะครับ
เสร็จสิ้นจากทริปเที่ยวมาทั้งวัน กลับมาที่โฮทเทลพักผ่อนกันสักหน่อย

กลับมาเหนื่อยๆเจอแอร์เย็นๆแบบนี้ ตาแทบจะปิดเลยครับ แฮะๆ
ก่อนค่ำออกมาเดินชมบรรยากาศรอบๆโฮสเทลกันสักแป๊บครับ ย่านนี้เป็นอีกหนึ่งย่านที่ดูเงียบสงบดีครับ ตอนเย็นๆจะมีนักท่องเที่ยวออกมาปั่นจักรยานชมเมือง นอกจากนั้นบริเวณนี้ยังเต็มไปด้วยวัดที่สองสองฝั่งถนน เป็นบรรยากาศที่หาได้ไม่ง่ายนักตามเมืองใหญ่ๆ
ข้อดีของย่านนี้คือมีโฮมเทลและโรงแรมให้เลือกเยอะมากครับ ตลอดสองข้างทางก็เต็มไปด้วยร้านอาหารมากมาย มีตั้งแต่ร้านอาหารยุโรปยันร้านอาหารท้องถิ่น ใครอยากจะลองแพ็คกระเป๋ามาเที่ยวเวียงจันทน์สักครั้ง เป็นการเริ่มเที่ยวเมืองนอกแบบใกล้ๆ ไม่ต้องลังเลครับ ลองมาสัมผัสกับการเที่ยวง่ายๆ นอนง่ายๆ กินง่ายๆแบบเรากันดูครับ เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ดีดี
จบทริปสำหรับการเที่ยว1วันในเวียงจันทน์ พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางกันต่อไปที่วังเวียงครับ เดินทางโดยรถโดยสาร VIP ที่สามารถซื้อได้จาก Hive Hostel โฮสเทลที่เราพัก ใครมีแพลนจะมาเที่ยวเวียงจันทน์ และกำลังมองหาที่พักราคาประหยัดในย่านนี้ แนะนำให้มาพักที่เดียวกับเรานะ ^^