ช่วงนี้อากาศดี กลางคืนหนาว ตอนเช้ามีหมอก มีความชิค ความชิล ความสวยงามทางธรรมชาติและวัฒนธรรม ใครชอบเที่ยวแนวนี้และอยากจะสัมผัสวิถีชีวิตของคนมอญอย่างแท้จริง แนะนำให้มาเที่ยวที่นี่กันดูสักครั้งในชีวิตครับใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพ6ชั่วโมงนิดๆ ผ่านเส้นทางคดเคี้ยวขึ้นลงเขา อาจจะดูเหนื่อยหน่อยกว่าจะถึง แต่พอได้ไปเห็นสถานที่สวยๆแล้ว หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยครับ
กิจกรรมยามเช้าที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือการใส่ชุดมอญเพื่อไปใส่บาตรที่หมู่บ้านมอญ ซึ่งชุดที่เราใส่และชุดใส่บาตรนั้นทางรีสอร์ทจัดเตรียมให้ทั้งหมดสำหรับแขกที่เข้าพัก ซึ่งตลอดการเดินข้ามสะพาน เราก็จะได้เห็นหมู่บ้านมอญริมฝั่งแม่น้ำซองกาเรีย
แพลุงบุญ เป็นแพที่เราเลือกพักสำหรับทริปนี้ อารมณ์อยากเปลี่ยนบรรยากาศมานอนบนน้ำดูบ้าง ที่สำคัญอยู่ใกล้กับสะพานมอญมากกกก แทบจะติดกับสะพานเลยครับ มีห้องที่นอน2คน , 8-16คน และ16คน ราคาเริ่มต้นตั้งแต่600-1,600 พร้อมบริการล่องเรือไหว้พระ ชมเมืองบาดาล บริการชุดมอญและชุดใส่บาตรยามเช้า
ติดต่อที่พักได้เลยที่ :
Tel : 034 595396 , 081 294 9308
เนื่องจากวันที่เราเข้าพัก แพที่นอน2คนดันเต็มครับ เราเลยเลือกห้องใหญ่กัน นอน2คนกลิ้งไปกลิ้งมาได้สบายๆ ฮ่าๆ
สำหรับคนที่เข้าพัก ทางแพมีบริการพาล่องเรือชมวีถีชีวิต ไปชมเมืองบาดาลหรือวัดจมน้ำและไหว้พระที่วัดสมเด็จ
วัดแรกที่เราจะเจอก็คือวัดจมน้ำครับ ซึ่งเป็นวัดวังก์วิเวการาม (เดิม) ซึ่งช่วงนี้น้ำเยอะมาก จนเกือบจะมิดหอระฆังของวัด แต่ถ้าหากมาเที่ยวในช่วงเดือนเมษายน บริเวณนี้จะไม่มีน้ำ เราสามารถเดินลงไปเดินเล่นบริเวณรอบๆวัดนี้ได้เลย
จุดต่อไปคือการมาสักการะพระพุทธรูปที่วัดสมเด็จ (เก่า) เป็นวัดที่ไม่ได้จมน้ำนะครับ แต่ก่อนที่เราจะขึ้นไปยังวัดนั้นแนะนำให้ซื้อดอกไม้ธูปเทียนที่ด้านล่างกันก่อนนะ ^^
วัดแห่งนี้ถูกทิ้งร้างเมื่อครั้งย้ายอำเภอสังขละบุรี ตอนสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์ (เขื่อนเขาแหลม) อุโบสถของวัดสมเด็จมีพระประธานสภาพค่อนข้างสมบูรณ์รอบตัวโบสถ์มีต้นไทรใหญ่ปกคลุมดูมีมนต์ขลัง นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือต่อมายังวัดสมเด็จ (เก่า) หลังจากชมเมืองบาดาลแล้ว
เสร็จจากการล่องเรือใช้เวลาทั้งหมดประมาณครึ่งชั่วโมง ก็กลับมารอชมแสงสุดท้ายกันที่สะพานมอญกันต่อ บริเวณสะพานเด็กๆที่นี่จะคอยมาทักทายและต้อนรับเราอยู่ตลอด เป็นสีสันที่สร้างรอยยิ้มให้กับนักท่องเที่ยว
ช่วงเย็นแนะนำให้ขึ้นมาเดินเล่นและนั่งรับลมกันที่สะพานมอญนะครับ บรรยากาสดีมาก ได้นั่งแล้วแทบไม่อยากจะลุกไปไหนเลย
ฝั่งหมู่บ้านมอญตอนเย็นจะมีตลาดและถนนคนเดิน ถ้าเป็นช่วงวันธรรมดาอาจจะดูไม่คึกคักเท่าช่วงวันหยุดครับ ส่วนตอนค่ำไฟบนสะพานก็จะถูกเปิด สวยงามไปอีกแบบ
ตื่นเช้าวันใหม่พร้อมชุดสาวมอญและชุดใส่บาตรที่ทางที่พักจัดเตรียมไว้ให้ มาเที่ยวสังขละแล้วไม่ตื่นเช้ามาใส่บาตรบอกเลยว่าพลาดมากๆ
ใส่บาตรเสร็จก็มาหาของอร่อยๆลงท้องกัน เมนูยอดฮิตตอนเช้าๆของที่นี่ก็คงจะหนีไม่พ้นโจ๊กหมูใส่ไข่ แกงฮังเล โรตีโอ่ง และการนั่งจิบชาร้อนๆ ซึ่งร้านนี้เค้ามีบริการชาฟรีแบบไม่อั้นอีกด้วย

ระหว่างนั่งกินโจ๊ก เราก็จะได้พบกับเพื่อนใหม่ๆที่แวะเวียนมาทักทาย ^^
อีกหนึ่งสีสันที่เราจะได้เห็นตลอดทางเดินบนสะพาน กลายเป็นภาพที่เป็นเอกลักษณ์ของสังขละที่ใครๆก็ต้องมาถ่ายภาพ

วิวที่มองมาจากแพที่เราพักครับ ใกล้สะพานมอญมาก

ด้านหน้าของแพมีที่ให้นั่งเอาเท่าจุ่มน้ำ นั่งชิลชมบรรยากาศก่อนเดินทางกลับ
ใครได้มีโอกาสมาเที่ยวสังขละช่วงนี้บอกเลยว่าบรรยากาศดีสุดๆครับ ตอนกลางคืนอากาศหนาว พอตอนเช้าเราจะได้เห็นหมอกจางๆ เป็นการมาพักผ่อน1วันที่คุ้มค่ามากๆ มากี่ทีก็ไม่เคยรู้สึกเบื่อเลยครับ เอาไว้จะหาโอกาสมาเที่ยวที่นี่อีกอย่างแน่นอน สำหรับใครที่ไม่เคยมา แนะนำให้ลองหาเวลามาสักครั้งในชีวิตกันนะครับ คุณจะได้ความทรงจำดีๆกลับไปอย่างแน่นอน