เพราะอำเภอนี้รายล้อมไปด้วยวิวทิวทัศน์ของภูเขามากมาย มีความงดงามของธรรมชาติ วัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนสองฝั่งที่คั่นกลางด้วยสายน้ำเมย
เมื่อพูดถึงชื่ออำเภอนี้คนมักจะนึกถึงเรื่องของการค้าขายระหว่างชายแดนเท่านั้น ซึ่งตอนแรกเราเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน แต่พอได้ลองมาสัมผัสและโฟกัสไปยังจุดๆอื่นๆที่นอกเหนือจากนั้น เฮ้ย..แม่สอดมีที่เที่ยวสวยๆเหมือนกันนะเนี๊ย โดยเฉพาะที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ บอกเลยว่าสวยไม่แพ้ที่อื่นๆอย่างแน่นอน ทริปนี้เราไปกันหลายที่มากครับ อยากรู้ว่าเราไปไหนกันบ้าง ตามเข้าไปอ่านในรีวิวได้เลย ^^
เมื่อมาถึงอำเภอแม่สอด เราได้มาแวะ ตลาดริมเมย ซึ่งได้ยินมาว่าเป็นตลาดร้านค้าชายแดน เพราะฝั่งตรงข้ามแม่น้ำไปก็คือประเทศเมียนมา หรือพม่า แต่วันนี้มาถึงช้าไปตลาดปิดแล้วต้องรอมาใหม่วันถัดไป ดังนั้นเมื่อมาถึงแล้วก็ต้องถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันซักหน่อยเดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึงเนอะ
001 : ไร่รัตนสุข บ้านแม่กาษา
ไร่แห่งนี้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ภายในหมู่บ้านแม่กาษา และมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อยู่บริเวณส่วนกลางของไร่ ซึ่งมีภูเขาโอบล้อม ให้ความรู้สึกเย็นตา อากาศก็เย็นสบาย ยิ่งหากใครมาช่วงเช้าๆหลังฝนตกจะสามารถเห็นหมอกจางๆลอยอยู่ด้านหน้าตรงภูเขาเพื่อให้เราเก็บภาพบรรยากาศได้อย่างจุใจกันเลยล่ะ ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม และเรามาในช่วงหน้าฝน ดังนั้นตลอดเส้นทางเราจะได้เห็นความสวยงามของถนนที่ทอดยาวและภูเขาที่เต็มไปด้วยไร่ข้าวโพดและต้นข้าว ทำให้การเดินทางของเราเพลิดเพลินยิ่งขึ้นไปอีกเยอะเลย
ต่อจากไร่รัตนสุข เราก็มาแวะชมน้ำตกแม่กาษา ถึงแม้ว่าน้ำตกแห่งนี้จะมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ปริมาณน้ำก็มีค่อนข้างเยอะให้เราได้เล่นน้ำคลายร้อนกันได้อย่างสนุกสนาน
ขับรถมาเรื่อยๆ เราก็มาต่อกันที่ น้ำพุร้อนแม่กาษา ซึ่งเป็นบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ นักท่องเที่ยวสามารถนำไข่มาลองต้มได้ นอกจากนี้ภายในยังมีเต็มไปด้วยต้นไม้ธรรมชาติล้อมรอบให้ความร่มรื่น และมีบริการห้องอาบน้ำแร่ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ผ่อนคลายกันได้
ถัดมาไม่ไกลนักจากบ่อน้ำพุร้อน เรามาไหว้สักการะ ณ ศาลเจ้าแม่อุษา ซึ่งเป็นที่สถานที่ ชาวบ้านยึดเหนี่ยวเคารพสักการะ โดยจะมีสะพานแขวนเชื่อมกับถนนสามารถเดินข้ามไปอย่างง่ายดาย
002 : สะพานมิตรภาพไทย-พม่า
เนื่องจากอำเภอแม่สอด เป็นอำเภอที่อยู่ติดชายแดนกับประเทศพม่า เราจึงไม่พลาดที่จะลองขอข้ามฝั่งไปเยือนประเทศเพื่อนบ้านกันสักหน่อย โดยทำบัตรผ่านแดนชั่วคราวได้ที่ ด่านตรวจคนเข้าเมืองแม่สอด สะพานมิตรภาพไทย-พม่า สามารถข้ามไปโดยทางรถยนต์ หรือเดินเท้าเข้าไป ระยะทางแค่เพียงประมาณ 400 เมตร เราก็ถึงต่างประเทศกันแล้วจ้า ระหว่างทางเดินข้ามสะพานมิตรภาพไทย-พม่า เราได้แวะชมแม่น้ำเมย ที่กั้นกลางระหว่างฝั่งไทยและฝั่งพม่า เมืองเมียวดี
ในที่สุดเราก็มาถึงเมืองเมียวดี เราเดินชมบ้านเรือนสถาปัตยกรรมและวิถีชีวิตของคนที่นี่ ก็ทำให้มีความรู้สึกสนุกเพลิดเพลินไปอีกแบบ
โชคดีเจอเราเดินมาพบกับแม่ค้าขายดอกไม้ ที่เทินดอกไม้ไว้บนหัวเพื่อทุ่นแรง เป็นเอกลักษณ์ของชาวเมียนมาร์ จึงไม่พลาดที่จะขอแชะภาพคุณยายกันซักหน่อย
เดินชิวกันมาเรื่อยๆ เราก็มาเจอกับร้านน้ำชาร้านนี้ สอบถามกับคนในร้านเค้าบอกว่าสิ่งที่ทอดอยู่ในกระทะเป็นแป้งทอดทานคู่กับน้ำชาหรือกาแฟ ดูจากหน้าตาแป้งนี้คล้ายๆ ขนมเปี๊ยะบ้านเราเลยเนอะ

เด็กๆชาวเมียนมาร์ก็ยังต้องทา ทานาคา กันนะ นี่แหละคืออีกหนึ่งเอกลักษณของคนเมียนม่าร์
003 : ตลาดริมเมย
เมื่อเดินข้ามกลับมาที่ฝั่งไทย ก่อนจะกลับเข้ากรุงเทพฯ เราแวะซื้อของฝากในตลาดริมเมย เป็นตลาดขายของสินค้าพื้นเมือง และสินค้าชายแดน ซึ่งมีของหลากหลายให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อกันอย่างมากมาย
สินค้าจากงานหัตถกรรมต่างๆก็มีให้เลือกเยอะแยะมากมาย
และที่เราพบเห็นว่ามีการวางขายมากที่สุด คือ ผงทานาคาและทานาคาสด ไว้ใช้พอกหน้าเพื่อบำรุงผิวพรรณ
004: วัดไทยวัฒนาราม
เราขับรถออกจากตลาดริมเมยไม่ไกลนัก ขอแวะไหว้พระที่วัดไทยวัฒนารามแห่งนี้ เพื่อเป็นศิริมงคลก่อนที่เราจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ กัน เพียงขับรถเข้ามาถึงบริเวณลานจอดรถหน้าวัด เราก็พบกับความงดงามของวัดแห่งนี้ และยังเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธมหามุนีแบบจำลองเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวศรัทธาของชาวแม่สอดและพม่า และไทยใหญ่ ที่อาศัยอยู่บริเวณโดยรอบ เพียงเท่านี้ก็ทำให้รู้สึกอิ่มบุญอิ่มใจที่ได้มาเยือนสถานที่แห่งนี้
และภายในมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อีกหนึงแห่ง นั่นคือ พระเจดีย์โกนาวิน เป็นเจดีย์ทรงเครื่องสีทองแบบมอญเก้ายอด ที่มีความศักดิ์สิทธิ์และสวยงามด้วยสีทองอร่ามรอบๆเจดีย์แห่งนี้

ความงดงามตระการตาด้วยเจดีย์องค์สีทองเหลืองอร่ามภายในบริเวณวัด
วัดแห่งนี้ เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปปางไสยยาสน์ที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดตาก ซึ่งเป็นลักษณะศิลปะของพม่า
บนถนนเส้นทางสายหนึ่งระหว่างไปอำเภอแม่สอด-พบพระ สองข้างทางสวยและบรรยากาสดีมากๆ อดใจไม่ได้เลยที่จะขอจอดรถและลงถ่ายรูปกัน
005 : ตลาดมูเซอ
ระหว่างเส้นทางกลับแม่สอด-กรุงเทพฯ เราจะต้องผ่านดอยมูเซอ ซึ่งแนะนำให้มาเฉพาะหน้าหนาวเท่านั้นถึงจะเดินทางได้สะดวกและมีความสวยงาม แต่ไม่เป็นไรเพราะถึงจะมาหน้าไหนเราก็สามารถเที่ยวชมซื้อของสด ผักและผลไม้ตามฤดูกาล อุดหนุนชาวเขาเผ่ามูเซอ ที่ตลาดมูเซอแห่งนี้ได้เลย ของถูกและได้อุดหนุนชาวมูเซอด้วย ช้อปกระจายกันเลยจ้า
006: อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช
หลังจากแวะซื้อผลไม้ที่ตลาดมูเซอเสร็จ ขับรถมาไม่ถึง10นาที เราก็ไม่พลาดที่จะเข้าไปชมความงดงามของธรรมชาติที่อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราชแห่งนี้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งอุทยานที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดตาก ซึ่งมาช่วงนี้เราก็จะได้สัมผัสกับความเขียวและความชุ่มฉ่ำของสายฝนและสายหมอกที่มาทักทายเราตลอดทั้งวัน เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งบรรยากาศที่เราจะได้เห็นเฉพาะของช่วงหน้าฝนเท่านั้น ซึ่งภายในอุทยานยังมีพื้นที่สำหรับกางเต็นท์และบ้านพักไว้คอยรองรับผู้ที่มาเที่ยวและพักผ่อนอีกด้วย

สะพานเหล็กที่อยู่ในอุทยานฯ มุมนี้ก็ถ่ายรูปพร้อมกับไอหมอกจางๆก็สวยไปอีกแบบ กลายเป็นจุดเช็คอินสุดฮิตของคนที่มาเยือนที่นี่
เรามาช่วงฝนพรำเบาๆ จึงได้เห็นไอหมอก อยู่รอบๆตัวเรา จากอากาศร้อนๆมาเจอหนาวเย็นทันทีบวกกับลมพัดเย็นๆ บรรยากาศแบบนี้แอดชอบมากกกก
การเดินทางทริปนี้ ทำให้เราประทับใจกับความสวยงามของธรรมชาติ และความหลากหลายของวัฒนธรรม ผู้คน เชื้อชาติ และศาสนา นับว่ามาเที่ยวที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตากแห่งนี้ เราได้เที่ยวชมครบทุกแบบทุกความรู้สึกกันเลยล่ะ