ถ้าพูดถึงหาดใหญ่และสงขลา หลายคนอาจจะนึกไม่ออกว่าจะไปเที่ยวไหนดี เพราะช่วงนี้คนแห่ไปเที่ยวแบบกรีนซีซั่นกันซะหมด เราเลยขอแหวกแนวสวนทางกับชาวบ้านลงใต้ไปเที่ยวดีกว่าช้อยแรกที่เลือกก็คือหาดใหญ่และสงขลาครับ ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่เคยมา ครั้งแรกมันก็เลยดูจะตื่นเต้นหน่อยๆ หาข้อมูลกันอยู่เป็นอาทิตย์ว่ามีที่ไหนน่าสนใจบ้าง เพราะหาดใหญ่เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องเมืองเศรษฐกิจของภาคใต้ อาจจะไม่ได้เด่นในเรื่องของการท่องเที่ยวมากนัก
แต่ใครจะไปคิดครับว่า เมืองที่หลายๆคนมองข้ามนั้นมีอะไรมากกว่าที่คิดเยอะเลยครับ โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน (ที่เราชอบกันอยู่แล้ว) แหล่งท่องเที่ยวชิคๆอย่างสตรีทอาร์ทย่านเมืองเก่า หาดสมิหลา นั่งกระเช้าไว้พระชมเมือง มัสยิดกลาง โอ้ยย คือ ครบเครื่องมาก เอาเป็นว่าไปดูต่อกันรีวิวกันเลยละกันครับ ^^
การเดินทางมาหาดใหญ่นั้นสามารถมาได้หลายเส้นทางครับ แต่เราเลือกเดืนทางด้วยเครื่องบินเพื่อความสะดวกและรวดเร็วครับ คืออยากจะบอกว่ามีเที่ยวบินมาลงที่นี่ค่อนข้างเยอะครับ ใช้เวลาบินแค่ 1 ชั่วโมง15นาทีก็มาถึงหาดใหญ่ที่ใหญ่สมชื่อจริงๆ
เราเลือกพักกัน2คืน ที่โรงแรม ” Red Planet Hotels ” ครับ เพราะราคาถูกและอยู่ย่านใจกลางเมือง ใกล้แหล่งกินแหล่งเที่ยวเยอะดี แถมเดินทางไปไหนก็สะดวกสบาย เดินไปตลาดกิมหยงก็แค่10นาทีเอ้ง คือ..ถูกจนมีเงินเหลือไว้เที่ยวไว้กินอีกเยอะเลยครับ ^^
สามารถเข้าไปจองห้องพักได้ที่ https://redplanet.link/CgdVMAaOPO
และสมัครสมาชิกเพื่อรับส่วนลด 10% ได้ที่ https://redplanet.link/nU524F6NPO
ที่โรงแรม Red Planet แห่งนี้มีบริการแอพพลิเคชั่น ซึ่งเราสามารถ แชทกับพนักงานและเลือกดูสถานที่ใกล้เคียง ที่เราต้องการไป สะดวกมากๆ ซึ่งตอนนี้ทางโรงแรมมีโปรโมด้วยนะ สมัครสมาชิกกับทางโรงแรมได้รับสิทธิพิเศษสำหรับเดือนเกิด 25% https://redplanet.link/nU524F6NPO
เมื่อมาถึงก็มาเช็คอินกันก่อนครับ ซึ่งระหว่างการเช็คอินนั้นพนักงานก็จะอธิบายรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับห้องพักและแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหารต่างๆที่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรม
ห้องพักของเราอยู่ที่ชั้น6ครับ เป็นห้องที่ดูเรียบๆสบายๆ เป็นห้องพักแบบซูพีเรียในแบบโรงแรมราคาประหยัดที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันครับ ไม่ว่าจะเป็นทีวี แอร์ พัดลม ตู้เย็น ไดร์เป่าผม ตู้เซฟ แต่หากเป็นห้องที่ราคาถูกกว่านี้จะไม่มีตู้เย็นให้นะครับ
ผมว่าเป็นอีกหนึ่งโรงแรมที่เหมาะกับคนที่อยากจะเก็บเงินที่เหลือไว้เที่ยวและกินมากกว่า(เหมือนเรา) ไม่จำเป็นต้องเป็นโรงแรมหรูๆราคาแพงๆ แค่นี้ก็โอเคในระดับราคาแบบนี้ครับ
ถึงแม้จะเป็นโรงแรมที่ไม่ใหญ่มาก แต่อยากจะบอกว่าที่นี่มีห้องประชุมใหญ่ๆถึง2ห้องเชียวนะ
และที่ทำเอาเราประหลาดใจไปมากกว่านั้นก็คือ เฮ้ย.โรงแรมที่หลายคนอาจจะมองว่าธรรมดาๆ มี Application ด้วยนะ ซึ่งภายในAppก็จะมีระบบในการค้นหาโรงแรมสาขาของ Red Planet Hotels และระบบการค้นหาร้านอาหาร คาเฟ่ ที่อยู่บริเวณรอบๆของโรงแรมพร้อมส่วนลด นอกจากนั้นยังมีระบบการแชทผ่านแอพกับทางฟอนท์โดยตรงอีกด้วย ไม่ว่าจะอยากได้อะไร หรืออยากสอบถามอะไร สามารถทำได้ผ่านระบบนี้เลยครับ
สามารถดาวน์โหลดได้ตามนี้นะครับ
iOS app download
https://redplanet.link/RlHULSeOPO
Android app download
https://redplanet.link/rSLu2UhOPO
และอีกหนึ่งลูกเล่นของโรงแรมที่ทำเอาเราสนุกไปกับมันมากกก ก็คือ การถ่ายรูปบริเวณหน้าลิฟท์ หลังจากถ่ายเสร็จสามารถส่งรูปนั้นเข้าเมลของเราได้เลย รู้สึกดีตรงที่มันให้อารมณ์เหมือนการถ่ายรูปสติ๊กเกอร์ในสมัยที่เรายังเป็นเด็ก ฮ่าๆ
วันแรก :
ช่วงบ่ายเราขับรถมามาต่อกันที่ร้านกาแฟ เพราะร่างกายต้องการกาแฟมากกก เราเลือกมากันที่ร้าน ” The Containers “ เป็นร้านที่ใครๆก็พูดถึงเมื่อมาเที่ยวหาดใหญ่ครับ ชื่อร้านก็บอกอยู่แล้วว่าออกแบบให้เป็นสไตล์ไหน แต่รับรองว่าร้านนี้สวยและชิคอย่างแน่นอน พิกัดร้านอยู่ในซอยทวีวรรณ์ ตรงข้ามกับตลาดกรีนเวย์ และอยู่ติดกับสนามฟุตซอลคอหงส์อารีน่า
ภายในร้านตกแต่งให้ดูเท่ห์แบบดิบๆเน้นปูนเปือย มีสไตล์มากๆ มีมุมไว้ให้ถ่ายรูปเพียบเลยครับ จุดเด่นของร้านนี้ก็คือ เครื่อง Coffee Contraption Model ขนาดใหญ่ ซึ่งไม่ค่อยเห็นในประเทศไทยมากนัก เป็นคาเฟ่ที่เหมาะกับการมานั่งชิลยามบ่ายๆแบบนี้มากๆ เราใช้เวลาอยู่ที่ร้านนี้ประมาณเกือบชั่วโมงเพื่อวางแผนว่าจะไปไหนกันต่อดี
เสร็จจากร้านกาแฟเราขับรถมุ่งเข้ามาที่ตัวเมืองสงขลากันทันที ซึ่งสถานที่ห้ามพลาดเลยก็คือย่านเมืองเก่าอย่าง ” ถนนนางงาม “ ถนนสายหลักที่มีจุดเด่นในด้านสถาปัตยกรรมบ้านเรือนที่เก่าแก่ ดูคลาสสิคและน่าหลงไหล ซึ่งทุกซอกทุกมุมล้วนมีภาพวาดตามผนังและกำแพงมากมาย กลายเป็นสตรีทอาร์ทสุดชิคสำหรับนักท่องเที่ยวและคนสงขลาไปแล้ว
บนนถนนนางงามตลอดทั้งสายที่มีความยาวมากกว่า 700 เมตร จะมีภาพวาดซ่อนอยู่หลายมุมให้เราได้เดินตามหาครับ เป็นอีกหนึ่งความเพลิดเพลินเล็กๆที่ทำให้เราชื่นชอบเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเดินไปมุมไหนก็อยากจะหยิบกล้องมาแชะภาพไปหมด
ถนนสายนี้ทำให้เราประทับใจมากเพราะมีความเป็นศิลปะ แม้แต่ตันไม้ที่ปลูกข้างรั้วก็ทำให้เกิดความสวยงามสบายตา และเป็นมุมถ่ายรูปสวยๆได้หลายจุดเลย หากใครมารับรองว่าต้องสนุกกับการถ่ายรูปอย่างแน่นอน ก่อนที่เราจะเดินทางมาที่ถนนนางงาม เราเองก็ยังนึกเล่นๆกันว่าสตรีทอาร์ทที่นี่จะมีเยอะขนาดนั้นเลยรึ? แต่พอมาแล้วอยากจะบอกว่าเยอะมากกก เดินถ่ายรูปจนเหนื่อยกันเลยหละ แต่ต้องเดินหากันเอานะว่าแต่ละภาพนั้นอยู่จุดไหนกันบ้าง ^^
ที่นี่ไม่ได้มีดีแค่สตรีทอาร์ทเท่านั้นนะ ยังมีร้านอาหารพื้นเมืองชื่อดังที่ซ่อนอยู่มากมายเช่นเดียวกัน และนอกจากนั้นถนนเส้นนี้ยังเป็นถนนคนเดินยามค่ำคืนอีกด้วยนะ คือจริงๆเราตั้งใจจะมาเดินถนนคนเดินกันนั้นแหละ แต่เราต้องสตั้นกันไป3วิ เมื่อคนที่นี่บอกกับเราว่า….ถนนคนเดินที่นี่จะมีเฉพาะวันอาทิตย์ที่สองของเดือนเท่านั้น!
ถนนมีความสะอาดตา มีความสวยงามจากงานศิลปภาพวาดและความสวยงามของบ้าน ตึก โบราณ ที่ยังคงความคลาสสิคและงดงามด้วยตัวมันเอง เป็นการผสมผสานแบบสมัยใหม่และดั้งเดิม ได้อย่างลงตัวและสวยงาม ผู้คนส่วนใหญ่บนถนนนางงามล้วนแล้วยังคงใช้ชีวิตดั้งเดิมแบบเรียบง่าย สบายๆ เห็นแล้วชีวิตน่าอิจฉาจริง ^^
คิดกันต่ออีกว่า..อยู่ที่นี่คงใช้เวลาในการเดินเล่นถ่ายรูปคงไม่เกินชั่วโมง แต่เอาจริงๆแล้ว..ไม่เลยครับ ด้วยความเพลินเพลินมองดูเวลาอีกทีก็เกือบจะค่ำแล้วครับ
นอกจากชื่อถนนนางงามแล้ว ย่านเมืองเก่านี้ยังมีถนนชื่อนครนอก นครใน ที่อยู่ติดกันอีกด้วย ซึ่งบริเวณถนนนครนอกจะอยู่ติดกับทะเลสาบสงขลา ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีเรือชาวประมงจอดอยู่เต็มไปหมด สามารถมาเดินชมและถ่ายรูปได้เช่นเดียวกัน
ก่อนเดินทางกลับไปตัวเมืองหาดใหญ่ เราขอไปแวะกันอีกหนึ่งจุดครับ นั้นก็คือ “หาดสมิหลา” เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดสงขลา ที่มีรูปปั้นนางเหงือกอยู่บนโขดหิน กลายเป็นแลนมาร์คที่ใครไม่แวะมาเที่ยวมาถ่ายรูปถือว่ามาไม่ถึงสงขลากันนะครับ ซึ่งหาดที่นี่สวยกว่าที่เราคิดกันไว้ซะอีก เป็นหาดที่จะคึกคักในช่วงเย็นๆแบบนี้ มีนักท่องเที่ยวอยู่บ้างครับ แต่ที่เห็นชัดๆเลยก็คือคนที่มาล้วนแล้วแต่เป็นคนสงขลาและคนที่อยู่ใกล้เคียงที่มาพักผ่อน เล่นน้ำ รอดูพระอาทิตย์ตก จนกลายเป็นสถานที่อีกหนึ่งจุดที่เหมาะกับมาใช้เวลากับครอบครัวมากๆ
หาดสมิหลาอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเลยครับ ขับรถจากถนนนางงามไม่ถึง 10นาที เราก็จะได้สัมผัสกับบรรยากาศดีๆ ได้เห็นผู้คนที่ต่างพาครอบครัวมาพักผ่อนเสมือนเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
ก่อนเข้าที่พักเพื่อพักผ่อนกัน เราแวะหาอะไรลงท้องกันสักหน่อย มีคนบอกว่าถ้ามาหาดใหญ่ต้องลองปาท่องโก๋ปิ้งกับโรตี ระหว่างขับรถมองหาร้าน เราก็ไปสะดุดตากับร้านๆนึงที่เห็นใครหลายๆคนเคยมารีวิว ก็คือ ” ร้านหอมนม ” ( Hom Nom ) เป็นร้านเล็กๆที่ตั้งอยู่ถนนธรรมนูญวิถีติดกับโรงเรียนอุดมศึกษาพานิชยการ ร้านเปิดตั้งแต่ 17.00 น. เป็นต้นไปครับ
วันที่สอง :
เริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่เราต้องตื่นเช้ากันสักหน่อย เพราะจุดหมายแรกของเราก็คือ ” โชคดีแต่เตี้ยม “ ร้านติ่มซำชื่อดังของหาดใหญ่ที่ใครๆก็พูดถึง เพราะถ้าหากมาสายของอาจจะหมดได้นะจ๊ะ ^^ อยากจะบอกว่าติ่มซำของที่นี่มีให้เลือกเยอะมาก ซึ่งเค้าจะจัดวางไว้หน้าร้านเลยครับ อยากได้อันไหนก็เดินมาเลือกหยิบใส่ถาดละส่งให้พนักงานกันได้เลย
ที่นี่มีขายทั้งติ่มซำ แต่เตี้ยม และ บะกุ๊ดเต๋ ที่อร่อยเว่อร์ ร้านจะเปิด2ช่วงเวลานะครับ คือ 06.00-11.00น. และ 17.00-23.00น. ร้านตั้งอยู่ที่ ถ.ละม้ายสงเคราะห์ เปิด Google Map มาได้เลย ไม่หลงแน่นอน อ้อ…จะบอกอีกเรื่องนะครับว่าร้านนี้มีแค่ที่นี่ที่เดียว ไม่มีสาขาอื่นนะครับ ของแท้ต้องที่นี่ที่เดียว อิอิ
หลังจากอิ่มท้องเสร็จเราก็ไม่พลาดที่จะต้องมากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์บนเขากัน และจุดแรกที่เราเลือกก็คือ เขาคอหงษ์ ตั้งอยู่ในบริเวณสวนสาธารณะหาดใหญ่ เป็นจุดที่เราสามารถนั่งกระเช้าหรือ cable car เพื่อไปกราบท้าวมหาพรหม และเทพทางพราหมณ์ เพื่อเป็นศิริมงคลแก่ชีวิต ภายในสวนสาธารณะหาดใหญ่แห่งนี้จุดแรกที่เรามาถึงจะเป็นจุดสักการะพระพุทธมงคลมหาราช ที่มีขนาดความสูง 19.9 เมตร ซึ่งหันหน้าเข้าสู่เมืองหาดใหญ่
เราขับรถขึ้นเขาอีกลูกเพื่อมายัง ” พระมหาธาตุเจดีย์ไตรภพไตรมงคล “ หรือเรียกง่ายๆว่า วัดเจดีย์สแตนเลส ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวของหาดใหญ่ที่มีความงดงามและเป็น unseen เลยก็ว่าได้ ซึ่งพระมหาเจดีย์นี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เนื่องในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติ 60 ปี
ภายในพระมหาเจดีย์มีการออกแบบลวดลายตั้งแต่ประตูทางเข้าด้าน และทางด้านบน ที่เหล่าชาวพุทธทั้งหลายสามารถมาชมความงดงาม และทำบุญกันอย่างอิ่มอกอิ่มใจ
เมื่อกลับมาโรงแรมที่พัก ภายในบริเวณจะมีสปาให้บริการแก่นักท่องเที่ยวซึ่งอาจเหนื่อยล้าจากการเดินทาง ซึ่งราคาและรายละเอียดจะอยู่บริเวณหน้าฟร้อนของโรงแรม นับว่ามีสิ่งอำนวยสะดวกให้การท่องเที่ยวของเราเป็นการพักผ่อนที่มีความสุขได้อย่างดีเลยล่ะ
ช่วงเย็น เราเลือกที่จะไปชมความสวยงามของมัสยิดกลาง ในหาดใหญ่ เพื่อเก็บภาพแสงเย็นกัน สถานที่แห่งนี้ให้ความรู้สึกคล้ายทัชมาฮาลที่อินเดีย โดยสถาปัตยกรรมก็มีความสวยงามไม่แพ้กันเลย คนหาดใหญ่ส่วนใหญ่นอกจากจะมาทำพิธีทางศาสนาแล้ว ยังสามารถมาเดินเล่นผ่อนคลายออกกำลังกายกันได้
แสงสวยเหมาะกับสถาปัตกรรม ที่ตั้งตระหง่านโดยมีบ่อน้ำอยู่ด้านหน้ามัสยิด ทำให้ภาพของเราสวยสดงดงามถ่ายรูปกันเพลินเลย
มาหาดใหญ่ต้องไม่พลาดมาลิ้มลอง ” ซาลาเปาทอดโกอ้วน “ ชื่อดัง ดังขนาดที่ว่าถามใครก็รู้จักหมดซาลาเปามีให้เลือกหลากหลาย และเราสามารถสั่งอาหารร้านอื่นมาทานด้วยกันได้ และแน่นอนมาหาดใหญ่ก็ต้องทานไก่ทอดหาดใหญ่ เดี๋ยวจะมาไม่ถึง ฮ่าๆ มาที่เดียวอิ่มครบทั้งของคาวของหวาน ตัวร้านตั้งอยู่บริเวณตลาดใหม่หาดใหญ่ในซอยผดุงวิถี เปิดตั้งแต่บ่าย3 ถึง 5ทุ่มเลยจร้าา เราสั้งทั้งแบบทอดและนึ่ง อร่อยทุกอย่างเลย แต่ส่วนตัวชอบแบบทอดมากกว่าเพราะมีความกรอบนอกนุ่มใน และเนื้อไส้รับประกันความเยอะจ้า
เช้าวันที่3ได้เวลาที่เราจะต้องเช็คเอ้าท์เพื่อเดินทางไปสนามบินกันครับ เอาจริงๆ2วันสำหรับหาดใหญ่และสงขลาบอกเลยว่าไม่พอครับ แต่ไม่เป็นไร เอาไว้มีโอกาสเราจะกลับมาเที่ยวที่นี่กันอีกครับ เพราะยังมีอีกหลายจุดที่เรายังไม่ได้ไป ส่วนใครที่มีแพลนจะมาเที่ยวหาดใหญ่และอยากได้โรงแรมราคาถูกย่านใจกลางเมือง แนะนำที่นี่เลยครับ รับรองว่ามีเงินเหลือๆในการไปเที่ยวไปกินอย่างแน่นอน
เดินทางลงใต้ก็หลายครั้ง แต่หาดใหญ่เป็นการมาครั้งแรกของพวกเรา และทำให้เราพบกับความสวยงามของเมือง และเราเรียกว่าเป็นเมืองแห่งสถาปัตยกรรม และศิลปะอีกแห่งหนึ่งของไทย ทำให้เราหลงรักและต้องกลับมาเยือนอีกแน่นอน
——————–
สอบถามเกี่ยวกับโรงแรมเพิ่มเติม :
Tel : 074 261 011
FB : Red Planet Hotel, Hat Yai, Songkhla
Website : www.redplanethotels.com